Wednesday, January 23, 2008

ธรรมะ

มีชาวเดนมาร์คคนหนึ่งนอนหลับอยู่ที่บ้านในเวลากลางคืน
...........มีนางฟ้าลงมาหาเขา ชวนให้ไปเที่ยวสวรรค์กับนรก
เขาก็ตกลงไปด้วย
นางฟ้าพาไปที่ที่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ถึงนรกแล้ว”
ที่นั้นเป็นห้องใหญ่ ๆ มีโต๊ะยาวๆ
บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีตอร่อยมีคุณค่าทุกประเภท
...........มีคนนั่งอยู่หลายคนนางฟ้าก็บอกว่า “นี่สัตว์นรก”
คนเหล่านั้นนั่งมองอาหารที่น่ากินที่สุดในโลก
แต่ตัวเขาผอมเหลืองน่าสงสาร

.......... นางฟ้าบอกว่าที่นี่อนุญาตให้กินอาหารดี ๆได้
แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามใช้มือหยิบ
ต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรตักอาการกินเท่านั้น
เวลาจะใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากตัวเอง
คนที่นรกก็ตักไม่ถึงสักที

...................................อาหารที่อร่อยหกลงบนพื้นเกือบหมด
เขาเลยมีความวุ่นวายเดือดร้อนมาก พยายามตักอาหารเท่าไรก็ไม่ถึงปาก
..........จึงผอมโซเพราะอดอาหาร
ทั้งที่อยู่ใกล้ชิดอาหารที่อร่อยมีคุณค่าทางโภชนาการ
...............แต่ไม่สามารถเอาเข้ามาถึงในปากของตนเองได้

นางฟ้าพาไปอีกห้องหนึ่งแล้ว บอกว่า “ถึงสวรรค์แล้ว”
........... ห้องที่สองนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับห้องแรกทุกประการ
มีโต๊ะอาหารยาว ๆ อาหารประณีตหลาย ๆ อย่างเหมือนกันกับห้องนรก
............มีเก้าอี้รอบ มีคนนั่งอยู่หลายคน นางฟ้าบอกว่า
”นี่เทวดาบนสวรรค์”
.............แต่แปลกที่คนบนสวรรค์นั้นยิ้มแย้มแจ่มใสอ้วนท้วนสมบูรณ์สบาย
ดูว่าเขากินอาหาร อย่างไร ทั้งๆที่เขาก็ต้องใช้ช้อนยาวหนึ่งเมตรเหมือนกับที่นรก
.......”เอ...ทำไมมันไม่เหมือนที่นรก?
ทำไมคนที่นี่สนุกสนานแจ่มใสร่าเริง แข็งแรง”

พอดูดี ๆ อ้อ! เห็นวิธีของชาวสวรรค์
............คือคนข้างหนึ่งของโต๊ะ เขาตักอาหารด้วยช้อนยาว ๆ
เอาไปป้อนใส่ปากของคนตรงข้าม
.............คนอีกข้างก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนข้างนี้
ก็เลยได้กินกันทุกคน อยู่อย่างสุขสบาย
สรุปว่า ที่นรกนั้น..... คนคิดแต่จะได้อย่างเดียว
คิดแต่เรื่องความสุขของตัวเอง
..............คิดแต่ว่าเราจะได้อาหาร ได้สิ่งที่เราชอบ โดยไม่คิดถึงคนอื่น

แต่ที่สวรรค์นั้น..... มีการช่วยเหลือกัน มีความรักสามัคคีกัน
.........................คำนึงถึงความสุขของคนอื่นด้วย
จึงก็ได้รับความสุขทั่วถึงกันทุกคน ..........................

ตื่นขึ้นมาแต่ละวันอย่าถามว่าจะได้อะไรจากสังคม
แต่จงถามให้มากว่าจะให้อะไรกับสังคม

ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ
เมื่อวันปีใหม่มาถึง

บรรดาสัตว์ทั้งหลาย ได้แก่ หมา แมว กระต่าย ลิง ไก่ เห็นเจ้านายฉลองปีใหม่กัน ต่างก็อยากฉลองปีใหม่กันบ้าง จึงชวนกันหาอาหารที่ตนเองคิดว่าดีที่สุดมาร่วมฉลองกัน

เจ้าหมามาพร้อมกับกระดูกชิ้นใหญ่

ฝ่ายไก่ก็ขนเมล็ดข้าวเปลือกมามากมาย ส่วนกระต่ายหอบหัวแครอทมาเป็นแถว เจ้าแมวนั้นก็ไม่ยอมน้อยหน้า มาพร้อมกับปลาตัวโต ขณะที่ลิงจอมโวก็แบกกล้วยผลงามๆมาหลายหวี เจ้าหมาหัวหน้าใหญ่เอ่ยขึ้นก่อนว่า “ของที่ดีที่สุดที่ข้านำมาคือกระดูกชิ้นใหญ่รสเลิศ หวังว่าเพื่อนๆคงชอบ” ไก่ แมว กระต่าย ลิง ต่างส่ายหน้า บอกว่า “นั่นไม่ใช่ของที่พวกเราชอบ”

แล้วไก่ก็พูดขึ้นว่า

“ข้าคิดว่า ข้าวเปลือกต่างหากที่เพื่อนถูกใจ” แต่แมว กระต่าย ลิง และหมา ก็ส่ายหน้า บอกว่าข้าวเปลือกไม่ใช่ของที่พวกตนถูกใจ ดังนั้น กระต่ายจึงพูดว่า “ต้องหัวแครอทนี่ซิ หวานอร่อยกว่าอะไรทั้งหมด กินแล้วจะติดใจ” แต่แมว ลิง หมา และไก่ ไม่มีใครนึกอยากกินหัวแครอท แมวได้ทีเลยบอกว่า “ปลาตัวโตนี่ไง สดใหม่ อร่อยถูกใจแน่นอน” แต่ลิง หมา ไก่ และกระต่าย ไม่สนใจปลาตัวโตของแมว

ฝ่ายลิงจอมโวก็คุยโม้ว่า

“เพื่อนเอ๋ย..กล้วยผลงามๆแบบนี้ อร่อยสุดยอดนะ จะบอกให้” แต่หมา ไก่ กระต่าย แมว ไม่คิดว่ากล้วยจะอร่อยอย่างที่ลิงบอก จึงไม่มีใครอยากกิน ในที่สุด เมื่อไม่มีใครชอบกินของใคร สหายทั้งห้าต่างก็ตกลงกันว่าจะร่วมวงกินเลี้ยงกันต่อไป โดยต่างคนต่างกินของที่ดีที่สุดของตัวเอง แล้ววันปีใหม่ของสหายทั้งห้าก็จบลงด้วยความเบิกบาน
......

นิทานเรื่องนี้บอกให้รู้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนหนึ่ง อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอีกคนหนึ่ง แต่มิตรภาพเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในการอยู่ร่วมกัน อย่างมีความสุข

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 86 ม.ค. 51 โดยนิรา)
จาก ทำดีดอทเนต

ขอขอบคุณสาระดีดี จาก
ธรรมะดิลิเวอร์รี่

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home